…
…
“อื้อ!”
“...”
“อ้ะ! แฮ่ก...พอแล้วยู เหนื่อยแล้ว”
“...”
“อื้อ! ยู...”
“ขออีกรอบนะครับ”
“เหนื่อยแล้ว”
“ขออีกรอบนะครับพี่ไท่”
หลังจากกระซิบเสียงแผ่วเบาข้างหูอีกฝ่าย
พี่ไท่ก็มีอาการสั่นจนเห็นได้ชัดเจน ผมค่อยๆดันตัวเองขึ้นมาจากฟูก
ใช้แขนทั้งสองข้างในการค้ำยันตัวเองเอาไว้ ก่อนจะก้มลงมองดูคนใต้ร่างของตัวเอง
พี่ไท่นอนหอบหายใจแรงจนเกิดเสียงดังลั่นห้อง แผ่นอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงอย่างไม่เป็นจังหวะ
ผมกวาดสายตามองจนทั่ว ผิวกายของเขา จากที่เคยขาวใสตอนนี้กลับมีร่องรอยสีแดงอมชมพูเกิดขึ้นประปราย
ชวนให้รู้สึกน่ามองอย่างน่าประหลาด
...โดยเฉพาะเจ้าจุดสองจุดที่ขึ้นสีจัดและชูชันคอยเบี่ยงเบนความสนใจจากผมอยู่บ่อยครั้ง
“อ้ะ! อย่า...อื้อ เลียได้ไหม พอแล้ว”
ขอโทษครับพี่ไท่...ผมห้ามตัวเองไม่ไหวจริงๆ
เนิ่นนานร่วมชั่วโมงที่เราสองคนใช้เตียงทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่การนอนหลับ
พี่ไท่ดูเหนื่อยอ่อน แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นมากกว่าเดิม
แค่เสียงหอบหายใจหนักๆของเขาก็ทำเอาผมเสียอาการได้ ยิ่งได้มองทั่งร่างของเขา
ไล่ลงต่ำจนถึงส่วนที่เชื่อมต่อกัน ผมก็ยิ่งรู้สึกปั่นป่วนมากกว่าเดิม จึงส่งมือข้างหนึ่งไปปาดเอาของเหลวสีขาวขุ่นที่พี่ไท่เพิ่งจะปลดปล่อยออกมาแล้วลูบมันเล่นบนหน้าท้องของอีกคน
เมื่อนิ้วมือเกลี่ยวนรอบสะดือของเขา พี่ไท่ก็เกร็งขึ้นมาทันที
เขาหน้าเบ้แล้วพยายามที่จะใช้มือขาวๆในการสู้รบกับมือของผม
“ยูๆ มานี่”
“ครับพี่ฟู่”
“พี่จะบอกอะไรให้ฟัง”
“ครับ”
“อยากรู้วิธีที่จะจัดการไอ้ไท่ให้อยู่หมัดไหม”
“...”
“มันเคยเจาะสะดือมา แถวๆสะดือมันจะอ่อนไหวมาก
มันไม่ให้ใครจับเลย เฮียเคยแกล้งมันอยู่ครั้งหนึ่ง ไท่มันสะดุ้งโคตรแรง”
“จุดอ่อนของพี่ไท่เหรอครับ”
“คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น”
“พี่เอามาบอกผมทำไมเหรอครับ”
“บอกเอาไว้ เผื่อน้องอยากหาอะไรสนุกๆทำ
รู้แล้วก็จำเอาไว้ซะ ไอ้น้องเขย”
งานนี้ผมต้องขอบคุณพี่ฟู่จริงๆใช่ไหม
ดูท่าทางวันหลังผมอาจจะต้องเตรียมของไปเซ่นไหว้พี่ฟู่แล้วล่ะ
“พะ...พอ ยู พอแล้ว อึก...อย่าเขี่ยได้ไหม”
“พี่ชอบไม่ใช่เหรอครับ”
“ไม่ชอบ”
“ไม่ชอบจริงๆเหรอครับ”
“ไม่ชอบ พี่ไม่ชอบ...อื้อ!”
“ถ้าไม่ชอบ ทีหลังเวลาผมเขี่ยก็อย่ารัดกันแน่นแบบนี้อีกนะครับ”
“เดี๋ยว! ยู อย่าเพิ่งเปลี่ยนท่า อื้อ!”
พี่ไท่โวยวายออกมาเล็กน้อย
ดูท่าทางเขาจะขัดใจอยู่เหมือนกันที่ผมยังมีแรงหลงเหลืออยู่มากขนาดนี้
ผมค่อยๆถอนตัวออกแล้วจับพี่ไท่พลิกคว่ำลง เขาสบถออกมาก็จริง
แต่ท่าทีการปฏิเสธของเขามันช่างดูจะตรงกันข้ามกันเสียทุกอย่าง
ทั้งๆที่ท่าพี่ไท่ตัดสินใจอยากจะหยุดจริงๆ ผมก็จะหยุดให้เขาได้อยู่แล้ว
แล้วนี่อะไร...อ้าขาออกแล้วแหวกด้านหลังแบบนี้ใส่
มันคืออะไร
ผมเชื่อแล้ว
โคตรเชื่อเลยที่เขาบอกว่าพี่ไท่ร้าย
ผมส่งมือไปลูบทั่วบั้นท้ายกลมกลึง
ขยำบ้างในบางทีจนตอนนี้มันเริ่มขึ้นริ้วสีแดงจางๆ ผมจับตรงนั้นลูบตรงนี้ไปทั่วราวกับห้ามใจตัวเองไม่ได้
กวาดสายตามองดูทั่วเรือนร่างของพี่ชายน้องตี๋ ไล่มองตั้งแต่บั้นท้ายกลมกลึง
ผ่านแนวกระดูกสันหลัง ผ่านเอวคอดที่รับกันกับมือของผม
จนกระทั่งจรดอยู่ตรงเสี้ยวหน้าของพี่ไท่ที่กำลังหันกลับมามองกัน ดวงตาของพี่ไท่ฉ่ำวาวจนผมละสายตาไปไม่ได้เลย
ไหนจะริมฝีปากที่บวมเจ่อ มันเผยอออกจากันเล็กน้อย ตัดกันด้วยเรียวลิ้นสีสดที่คอยแลบออกมาเลียริมฝีปากเป็นระยะ
ให้ตายสิ...วันนี้พี่ไท่เซ็กซี่มากๆเลย
ไร้ซึ้งคำพูดใด ผมไม่คิดที่จะรออะไรอีกแล้ว
จัดการแทรกตัวตนของตัวเองกลับเข้าไปในช่องทางนั้นอีกครั้ง มันเต้นตุบๆตอดรับทุกสัมผัส
ผมกัดฟันแน่นเมื่อพี่ไท่ทำการขยับสะโพกแล้วเป็นฝ่ายเลื่อนเข้าออกเสียเอง มือเรียวยาวของพี่ไท่เลื่อนมาจับมือผมเอาไว้แล้วดึงไปแนบไว้กับสีข้างของเจ้าตัว
“ตี...ตี”
“ครับ?”
“ตีพี่ทียู”
ผมค่อนข้างจะตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ไท่พูดออกมา
เขาพูดเพียงแค่นั้นก่อนที่จะก้มหน้าครางอัดหมอนต่อ
ทิ้งหัวของตัวเองให้จมอยู่อย่างนั้น ด้วยแรงกระแทกของผมจึงทำให้พี่ไท่สั่นไปทั้งตัว
มือของเขายังคงกำมือข้างนั้นของผมเอาไว้แน่น ออกแรงกระชับย้ำๆราวกับจะย้ำเตือนให้ผมทำในสิ่งที่เขาร้องขอ
โอเค ก็ได้
ผมตัดสินใจตีลงที่สีข้างอย่างไม่แรงนักเพราะกลัวว่าพี่ไท่เขาจะเจ็บ
แต่ดูท่าทางมันจะยังจะยังไม่ดีพอ ผมจึงเพิ่มแรงขึ้นอีกนิด แต่ถึงอย่างนั้น พี่ไท่ก็ยังคงไม่พอใจอยู่ดี
“แรงๆได้ไหมยู อ้ะ!”
“พี่จะเจ็บนะครับ”
“เชื่อพี่”
“...”
“แฮ่ก...แรงๆเลยได้ไหมยู”
“...”
“พี่ไม่โกรธเราหรอก”
เมื่อเจ้าตัวเขาเอ่ยมาแบบนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะขัดขืนเขาต่อไปทำไม
ในเมื่อนี่คือสิ่งที่พี่ไท่ต้องการ เขาเรียกร้องผมถึงสองครั้งแล้ว
แปลว่าพี่ไท่คงกำลังรอมันอยู่จริงๆ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วตัดสินใจกัดฟันฟาดมือลงบนสีข้างของพี่ไท่อย่างแรงจนเกิดเสียงดังลั่นห้อง
ผมแทบอยากจะเอ่ยปากขอโทษเมื่อเห็นรอยแดงบนผิวเนื้อของเขา
พี่ไท่สั่นระริกไปทั้งตัวจนผมต้องหยุดขยับเอวไปก่อน
“อย่าหยุด”
“ครับ? แต่พี่...”
“อย่าหยุดยู...เอาอีก”
“...”
“ทำให้พี่อีกครั้งนะยู”
ผมใจสั่นไปหมดในตอนที่พี่ไท่หันกลับมามองกัน
ใบหน้าขาวใสตอนนี้มีน้ำตาไหลร่วงลงมา
แต่ดูท่าทางแล้วมันกลับไม่น่าจะเป็นน้ำตาที่มาจากความรู้สึกลบ...พี่ไท่กำลังมีความสุขมากๆต่างหาก
แรงบีบรัดจากช่องทางด้านหลังทำเอาสติอันน้อยนิดของผมแทบจะหายไปหมด
ผมเลื่อนมือไปยึดเอวของเขาเอาไว้แน่น ก่อนที่จะขยับเอวเข้าออกอีกครั้ง
มือข้างหนึ่งเลื่อนไปสะกิดเขี่ยยอดอกของพี่ชายน้องตี๋ ส่วนมืออีกข้างก็คอยออกแรงฟาดใส่ต้นขาขาวๆของเขา
สลับกับบีบเค้นหนักๆจนขึ้นรอยแดงจัด ยิ่งออกแรงมากเท่าไหร่โพรงร้อนๆของพี่ไท่ก็ยิ่งบีบรัดแน่นขึ้น
จนสุดท้ายผมก็ปล่อยให้อารมณ์ชนะเหนือทุกสิ่ง มือทั้งสองข้างเลื่อนไปจับเอวพี่ไท่กระตุกรั้งให้เข้ามาหาตัวจนผมสามารถแทรกเข้าไปได้ลึกมากขึ้น
“อ๊า ยู”
ด้วยท่าทางนี้ พี่ไท่เลยยิ่งรู้สึกมากกว่าเดิม สะโพกของเขาถูกรั้งขึ้นสูง
ท่อนบนถูกกดลงจนแทบจะจมลงไปกับเตียง เขาจิกผ้าปูที่นอนแน่นจนขึ้นข้อขาวไปหมด
ผมโถมตัวลงไปหาเขา สูดดมท้ายทอยของอีกคน ก่อนจะเผลอขบกัดลงไปแรงๆด้วยจนพี่ไท่ต้องโก่งตัวเล็กน้อย
เราครางออกมาเมื่อผมทำอย่างนั้น ผมจึงแลบลิ้นออกมาเลียเบาๆเป็นการปลอบประโลมอีกคน
ช่วงล่างกระหน่ำเข้าใส่จนพี่ไท่สั่นไปทั้งตัว
เสียงครางดังกระท่อนกระแท่นยิ่งทำให้ทุกอย่างมันโหมกระหน่ำมากกว่าเดิมมากขึ้นไปอีก
มือข้างหนึ่งของผมเลื่อนไปบีบคั้นเอวพี่ไท่แรงๆ ก่อนจะขยับไปแตะต้องส่วนกลางกายของพี่ไท่
ที่ตอนนี้ทั้งชูชัน ร้อนผ่าว และเปียกชื้นไปหมด
ของเหลวบางส่วนหยดแหมะลงกับผ้าปูที่นอนจนชื้นเป็นวง พี่ไท่เอียงใบหน้าเล็กน้อย
เขาพยายามที่จะหันมามองผม พี่ไท่กัดหมอนแน่นจนหน้าแดงไปหมด ภาพเหล่านั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนไปทั่วทั้งตัวมากกว่าเดิม
“ยู อื้อ! พี่...พี่ไม่ไหว”
“ผมก็ไม่ไหวครับ”
“ยู...ยู”
เสียงเรียกชื่อผมดังกระเส่าสลับกับเสียงครางเป็นเหมือนยากระตุ้นชั้นดีที่ทำให้เอวของเด็กวัยรุ่นอย่างผมขยับถี่รัวมากกว่าเดิม
จนในที่สุดเราสองคนก็สามารถปิดจ็อบนี้ลงได้อย่างสวยงาม
ผมกระแทกเข้าไปหนักๆจนพี่ไท่สะดุ้ง เสียงหอบหายใจของผมดังลั่นทั่วห้องกลบเสียงของพี่ไท่จนหมด
เราสองคนนอนกอดกันอยู่อย่างนั้น ผมยังคงแช่ตัวตนเอาไว้ในตัวของพี่ไท่แม้ว่าทุกอย่างจะจบลงไปแล้วก็ตามที
และใช่....ความรู้สึกเปียกชี้นในมือของผมก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าครั้งนี้ผมสามารถทำให้พี่ไท่เขาพอใจมากขนาดไหน
“ครั้งสุดท้ายแล้วนะยู พี่เหนื่อยแล้ว”
“ครับ พอแล้วครับ”
“กว่าจะพอ”
“พอแล้วจริงๆครับ”
“พอแล้วก็เอาออก มันอึดอัด”
“ขอนอนอยู่อย่างนี้อีกสักพักนะครับ”
“ยู”
“...”
“อย่าเอาแต่ใจ”
“ผมไม่ได้เอาแต่ใจอย่างเดียวนะครับ”
“...”
“ผมเอาแต่พี่ไท่ด้วย”
“ยู!”
นี่เป็นอีกอย่างที่ผมชอบ
เวลาที่ผมพูดคำหยาบหรือถ้อยคำที่ไม่สุภาพ พี่ไท่มักจะหงุดหงิดแล้วหันมาปรามผมทันที
ในความคิดของเขาผมต้องเป็นคนแบบไหนกันถึงทำให้เขามองว่าผมไม่ควรพูดคำหยาบ
ไม่ควรทำตัวแบบนี้
ผมก็รู้ทุกอย่างนั่นแหละ...แต่เลือกทำแค่ในสิ่งที่พี่ไท่เขาชอบก็เท่านั้น
ผมนอนกอดพี่ไท่จากทางด้านหลังอยู่อย่างนั้น
ก่อนที่จะพรมจูบตามผิวของพี่ไท่ไปมาเบาๆ เสียงกระดิ่งดังกรุ้งกริ้งไม่ไกล
ก่อนที่แมวสีสีส้มจะปีนกลับขึ้นมาบนเตียง ดูเหมือนหลงมันจะเป็นว่าผมกำลังนอนกอดพี่ไท่อยู่
เจ้าแมวตัวดีเลยเดินเข้ามาแทรกกลางแล้วปีนขึ้นไปบนตัวอีกคน พี่ไท่ปรายตามองเล็กน้อยก่อนที่จะยกมือขึ้นไปลูบมัน
“มึงเห็นไหมไอ้หลง”
“เมี้ยว”
“เวลาจะขึ้นตัวเมีย มึงต้องทำแบบนี้ เข้าใจไหม”
“เมี้ยวว”
“ดูแล้วก็จำไว้ด้วย พ่อมึงเขาสอนแล้ว”
ผมหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แล้วซุกใบหน้าลงไปยังซอกคอของพี่ไท่
กดจูบเบาๆแต่ก็พอให้ได้ยินเสียง พี่ไท่พลิกใบหน้ากลับมาหากันช้าๆ เขายกยิ้มบางแล้วยกหัวขึ้นมาจูบหน้าผากของผมเบาๆ
ส่วนมืออีกข้างก็เลื่อนมาลูบใบหน้ากัน ยิ่งได้มองเขาใกล้ๆแบบนี้ ใจของคนเป็นน้องอย่างผมก็สั่นไหวมากกว่าเดิมเข้าไปอีก
พี่ไท่ไม่ใช่ผู้ชายหล่อจัดอย่างพี่เทียน
ไม่ใช่ผู้ชายที่น่ารักจ๋าอย่างพี่มู่...แต่ถ้าหากจะให้ผมหาคำมาอธิบายเขา ในตอนนี้ผมคิดออกแค่คำคำเดียวเท่านั้น
สวย...พี่ไท่สวยมากๆสำหรับผม
อือ หลงแล้ว…
ผมหลงพี่ไท่จริงๆก็คราวนี้
“พี่มีอะไรจะบอก”
“ครับ”
“จริงๆ...พี่ชอบเรามานานแล้วยู”
“...”
“เราอาจจะไม่เคยเห็นหน้าพี่...แต่พี่รู้จักเรา
แล้วก็เคยเห็นเราบ่อยๆ”
“...”
“อือ พี่ชอบเราตั้งแต่ตอนที่เราเพิ่งเข้ามาโรงเรียนใหม่ๆด้วยซ้ำไป
อ้ะ! อื้อ! ยู”
“ขอบคุณนะครับที่ยอมบอกกัน”
“อืม...ไม่คิดว่ามันตลกเหรอ”
“ตลกยังไงครับ”
“ก็พี่...ชอบเราก่อนมาตั้งนานแล้ว”
“ชอบก่อนชอบหลังไม่สำคัญหรอกครับ”
“...”
“เพราะยังไง
สุดท้ายแล้วพี่ไท่ก็เป็นของผมอยู่ดี”
“เด็กคนนี้นี่”
“เลิกเรียกผมว่าเด็กทีได้ไหมครับ”
“ทำไมพี่จะเรียกเราว่าเด็กไม่ได้”
ทำไมถึงจะเรียกว่าเด็กไม่ได้เหรอ…
“ยู! พอเลย!
พี่เหนื่อยแล้วววว อื้อ!”
ทำไมถึงเรียกว่าเด็กไม่ได้...เดี๋ยวก็รู้ครับ
พี่แพนเค้กของผม : )
END
#พระอาทิตย์ของไท่
ฝากกลับไปให้ฟีดแบ็คได้ที่หน้าเว็บนิยายเลยนะคะ ขอบคุณทุกคนเลยที่ติดตามกันจนจบเน้อ